วิธีแก้ปัญหามือถือ Android รีสตาร์ทเครื่องบ่อย

วิธีแก้ปัญหามือถือ Android รีสตาร์ทเครื่องบ่อย หากโทรศัพท์ Android ของคุณรีสตาร์ทอยู่ตลอดเวลา อาจเป็นแอปหรือ ปัญหาเรื่องความร้อนสูงเกินไป หรืออย่างอื่นโดยสิ้นเชิง นี่คือวิธีแก้ปัญหา เรามาดูว่าจะแก้ปัญหามือถือ Android ขัดข้องและรีสตาร์ทบ่อยอย่างไร

วิธีแก้ปัญหามือถือ Android รีสตาร์ทเครื่องบ่อย

1. อัปเดตระบบปฏิบัติการ Android ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

เพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง และเพิ่มแพตช์ความปลอดภัยให้โทรศัพท์มือถือ Android แต่จำนวนการอัปเดตที่คุณจะได้รับจะขึ้นอยู่กับโทรศัพท์และผู้ผลิตของคุณด้วย น่าเสียดายที่ผู้ผลิตหลายรายจะหยุดอัปเดตโทรศัพท์เครื่องใหม่หลังจากผ่านไปสองสามปี (ยกเว้นการแก้ไขที่สำคัญ) ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นแนวทางในการอัพเกรด ไม่ว่าระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์ของคุณจะล้าสมัย ก็อาจทำให้เกิดปัญหาที่ทำให้โทรศัพท์ของคุณรีสตาร์ทได้ ดังนั้น คุณควรตรวจสอบการอัปเดต กระบวนการที่แน่นอนจะแตกต่างกันไปตามรุ่น

โดยเข้าไปที่ Settings. >> เลือก  Software update. >> เลือก  Download and install.
หากมีเวอร์ชั่นใหม่ปรากฎให้ทำการ Update ได้เลย

2. หมั่นอัปเดตแอปให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

แอปบางตัวจะอัปเดตบ่อยกว่าแอพอื่น ขึ้นอยู่กับประเภทของแอปและการมีส่วนร่วมของนักพัฒนา หากคุณสังเกตเห็นว่าโทรศัพท์ของคุณรีสตาร์ทเมื่อใช้แอปบางตัว หรือเมื่อคุณเปิดใช้งาน แสดงว่าปัญหาน่าจะเกิดจากแอปนั้น ดังนั้น นักพัฒนาแอปอาจออกวิธีแก้ไขสำหรับการขัดข้อง หรือออกเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดเพื่อแก้ปัญหา

3.เปิดใช้งาน Safe mode และลบแอพ

แอปหลบหลีก อาจทำให้โทรศัพท์ของคุณรีสตาร์ทโดยไม่คาดคิด การแก้ไขปัญหานี้คุณควรเปิด Safe Mode ซึ่งจะทำงานได้เฉพาะแอปหลักของอุปกรณ์เท่านั้น จึงเป็นวิธีที่ดีในการทดสอบว่าแอปที่คุณติดตั้งมีข้อผิดพลาดหรือไม่

วิธีบูตเข้าสู่ Safe Mode

1. กดปุ่ม Power ค้างไว้ เพื่อเปิดเมนูเปิด/ปิด
2. กดแล้วปล่อยปุ่ม Power
3. แล้วแตะที่ Safe Mode ระบบจะบูตเข้าสู่ Safe Mode

หากมือถือ Android ไม่เข้าสู่ Safe Mode  ถือว่าแอปที่คุณติดตั้งเป็นสาเหตุปัญหานี้ ดังนั้น คุณควรถอนการติดตั้งแอปของคุณทีละแอป โดยเริ่มจากแอปที่ดาวน์โหลดล่าสุด จนกว่าคุณจะพบแอปอันตรายที่เป็นสาเหตุนั้น

4. ล้างที่เก็บข้อมูลของคุณ

โทรศัพท์ของคุณมีพื้นที่เก็บข้อมูลจำกัด หากพื้นที่เก็บข้อมูลของคุณว่างน้อยกว่า 10% คุณอาจสังเกตเห็นปัญหากับโทรศัพท์ของคุณ รวมถึงการรีสตาร์ทอัตโนมัติ คุณควรเคลียร์ที่เก็บข้อมูลในโทรศัพท์ของคุณ เช่น คุณสามารถลบแอพที่ไม่ได้ใช้ ล้างแคช ล้างโฟลเดอร์ดาวน์โหลดทางอินเทอร์เน็ตของคุณ และอื่นๆ หรือคุณจะขยายพื้นที่เก็บข้อมูลก็ได้ หากโทรศัพท์ของคุณยอมรับสื่อที่ขยายได้ ให้ซื้อการ์ด microSD เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน หรือย้ายข้อมูลไปยังผู้ให้บริการระบบคลาวด์ เช่น Google Drive หรือ OneDrive หรือ terabox

โทรศัพท์ส่วนใหญ่ช่วยให้คุณเห็นพื้นที่เก็บข้อมูลที่เหลืออยู่ และช่วยคุณระบุไฟล์ที่ใหญ่ขึ้น ตัวอย่างเช่น บนอุปกรณ์ Samsung , Oppo หรือแอป Files จาก Google

5. ตรวจสอบสัญญาณมือถือคุณร้อนเกินไป

หากโทรศัพท์ของคุณร้อนเกินไป โทรศัพท์สามารถรีสตาร์ทหรือปิดเครื่องได้เพื่อป้องกันตัวเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่โทรศัพท์ของคุณจะร้อนเกินในช่วงที่มือถือทำงานหนัก เช่น เล่นเกมเป็นเวลานาน ดูภาพยนตร์ซีรีย์เป็นเวลานาน แต่ถ้าโทรศัพท์ของคุณร้อนเกินไปแม้ใช้น้อยละก็ แสดงว่าเป็นปัญหา

6. ทำการ Reset Factory

หากคุณทำทุกอย่างแล้วไม่ดีขึ้นเลย อาจพิจารณาล้างข้อมูลในอุปกรณ์ของคุณและคืนค่าทุกอย่างกลับเป็นค่าเริ่มต้น หรือ Reset Factory ให้ดูเหมือนตอนเริ่มใช้เครื่องใหม่  ดังนั้นหากจะใช้วิธีนี้ควรสำรองข้อมูลสำคัญบนมือถือ Android ไว้บน SD CARD หรือระบบ Cloud ให้เรียบร้อย จากนั้นทำการ Reset Factory บนมือถือคุณได้เลย แต่ข้อมูลมือถือที่เคยมีบนมือถือจะหายหมดเลย

7. เปลี่ยนแบตเตอรี่

โทรศัพท์ของคุณยังรีสตาร์ทอยู่หรือไม่ แบตเตอรี่โทรศัพท์ของคุณมีอายุการใช้งานที่จำกัดและอาจเป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่ของคุณจะหมดอายุการใช้งานแล้ว หรือแบตเสื่อม เป็นไปได้อย่างยิ่งหากโทรศัพท์ของคุณรีสตาร์ทและมีแบตเตอรี่เหลือน้อยกว่าที่เคยเป็น ควรทำการเปลี่ยนแบตใหม่ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแบตเตอรี่ในโทรศัพท์ Android รุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย หากโทรศัพท์ของคุณมีด้านหลังแบบถอดได้ คุณโชคดีไป คุณสามารถซื้อแบตเตอรี่สำรองและใส่เข้าไปได้ ทันที แต่ถ้าแบตมือถือ Android แบบติดเข้ากับเครื่องละก็ทางออกที่ดีที่สุดของคุณคือไปเปลี่ยนแบตที่ศูนย์บริการนั่นเอง หรือไม่ก็ซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ไปเลย

หากทำตามขั้นตอนที่ว่ามานี้แล้ว โทรศัพท์ของคุณก็น่าจะไม่มีปัญหาแอบรีสตาร์ทอัตโนมัติอีก คุณสามารถกลับไปใช้โทรศัพท์ได้ตามปกติ และพยายามทำให้โทรศัพท์มือถือคุณอยู่ในสภาพดีเสมอ หมั่นล้างข้อมูลที่ไม่จำเป็น อัปเดตแอปทุกอย่างให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด และหลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดแอปนอก Store หรือแอปที่ไม่รู้จัก