เงินในบัญชีธนาคาร ถูกตัดเงินผิดปกติ ทำอย่างไรดี ? พร้อมวิธีป้องกัน

เงินในบัญชีธนาคาร ถูกตัดเงินผิดปกติ ทำอย่างไรดี หลังเกิดเหตุบัญชีลูกค้าถูกแฮกเงิน ซึ่งเป็นประเด็นข่าวใหญ่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 ตุลาคม 2564  โดยเพจดัง Drama Addict ได้เผยข้อความจากลูกเพจ วานนี้ พร้อมรูปบัญชีธนาคารที่ถูกตัดเงินน้อยแต่หลายการติดกันว่า “วันก่อนที่จ่าลงว่ามีคนฝากเตือนว่าเขาถูกหักบัตรเดบิตไป 470 กว่ารายการ ทั้งที่ไม่ได้เอาบัตรไปผูกกับบัญชีอะไรเลย ไม่รู้โดนได้ไง ตอนนี้มีผู้เสียหายในลักษณะเดียวกันเขามารวมกลุ่มกันสองร้อยกว่าคน เข้าไปดูในกลุ่มแล้ว ทุกคนโดนแบบเดียวกันหมด คือจู่ๆก็ถูกหักเงินจากบัตร แล้วขึ้นรายละเอียดว่า ชำระเงินผ่าน EDC แล้วโดนคนนึงหลายสิบรายการ แต่ละรายการ เป็นเงินไม่มาก หลักสิบ หลักร้อย แต่รวมๆกัน เยอะน่าดู รวมๆเป็นหมื่นเลย เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” ทำให้คนในโซเชียลพูดถึงอย่างกังวลเกี่ยวกับระบบธนาคารจำนวนมาก

เมื่อคืนวันที่ 17 ตุลาคม 2564 ประมาณ 22.20น. ธปท. กับ และสมาคมธนาคารไทย ออกแถลงข่าวร่วม  พร้อมเผยแพร่แถลงข่าวไปยังเพจธนาคารต่างๆที่ให้บริการในประเทศไทยชี้แจงว่า มิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เป็นรายการที่เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่ใช่แอปดูดเงินตามที่ปรากฏเป็นข่าว ขณะนี้ธนาคารเจ้าของบัตรได้ดำเนินการระงับการใช้บัตรของลูกค้าที่มีรายการผิดปกติ และติดต่อลูกค้า รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบร้านค้าที่มีธุรกรรมที่ผิดปกติเหล่านี้ หากพบความผิดปกติของรายการธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตรเพื่อแจ้งตรวจสอบและยืนยันการทำธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และเร่งคืนเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับความเสียหายตามขั้นตอนของธนาคารโดยเร็วต่อไป

เงินในบัญชีธนาคาร ถูกตัดเงินผิดปกติ ทำอย่างไรดี ?

1. หากทราบว่าเกิดจากบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ให้ทำการล็อคบัตร หรือกรณีเป็นบัตรเดบิต ให้ทำการอายัดบัตรทันที โดยอายัดผ่านแอป หรืออายัดทาง callcenter ของธนาคาร หรืออายัดที่ธนาคารโดยตรงก็ได้  (ทั้งนี้อายัดผ่านแอปไวสุดดีสุด)
2. ให้ทำการปริ้น Statements ธนาคาร ที่เจอรายการที่มีปัญหา ไว้เป็นหลักฐาน แล้วไปติดต่อที่ธนาคารของท่าน เพื่อชี้แจงปัญหาที่เกิดให้ธนาคารทราบ และทางธนาคารจะออกบัตรเดบิตใบใหม่ หรือบัตรเครดิตใบใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายค่าทำบัตรใหม่ หรือไม่ก็คุณอาจเลิกทำบัตรก็ได้ 
3. นำ statements ไปสถานีตำรวจเพื่อทำการบันทึกความหรือแจ้งความ ไว้เป็นหลักฐาน
4. หมั่นตรวจสอบการทำรายการบนแอปธนาคารทุกวัน ไม่เว้นแม้กระทั่งแอป wallet และ paypal ด้วย
5. เปลี่ยนรหัสผ่านทั้งแอปธนาคาร รหัสบัตรเดบิต และรหัสเว็บที่ใช้บริการทางธุรกรรมเช่น เว็บไซต์ธนาคาร เว็บช้อปปิ้งออนไลน์ เว็บโซเชียลอย่าง facebook , tiktok เป็นต้น
6. กรณีออกบัตรเดบิตใหม่ ให้ตั้งวงเงินเป็น 0 บาทไว้ก่อนเพื่อป้องกันไม่ให้โดนแฮกบัตรนำไปใช้ หากใช้เงินจริงก็ระบุยอดเงินการใช้บัตรใหม่ (หากไม่มี 0 บาท ตั้งวงเงินขั้นต่ำให้ต่ำสุดไว้) 
7. ติดตามการดำเนินงานของธนาคาร และสถานีตำรวจทุกแห่ง (ตอนนี้ตำรวจยืนยันเปิดรับแจ้งความกรณีนี้แล้ว )
8. กรณีพบรายการผ่าน facebook ads , tiktok ads ที่ไม่ใช่ทำรายการโดยเราเอง มักจะมีโค้ดอ้างอิงการทำธุรกรรมการซื้อโฆษณาปรากฎบนรายการ statements ของธนาคาร หรือใบแจ้งบัตรเครดิตของธนาคาร ให้ตรวจสอบที่เว็บ facebook หรือ tiktok ว่ามีรายการสั่งยิงโฆษณาบนบัญชีเราหรือไม่ หากไม่มีคาดว่าบัตรเครดิตบัตรเดบิตของเราโดนแฮก ใช้บัตรของเราไปใช้จ่ายบัญชี facebook tiktok เค้า 

วิธีป้องกันโดนตัดบัญชีธนาคาร เงินหายโดยไม่รู้ตัว

1. หมั่นตรวจสอบรายการธุรกรรมการเงินที่เว็บไซต์หรือแอปธนาคาร แอป e-wallet และ เว็บไซต์ที่ให้บริการธุรกรรมการเงินออนไลน์เช่น PayPal ทุกวัน ทั้งรายการบัญชีธนาคาร และรายการชำระผ่านบัตร
2. อย่าผูกบัตรไว้กับเว็บไซต์ออนไลน์ตอนชำระค่าบริการ เช่น สายการบิน ร้านช้อปปิ้งออนไลน์  
3. การชำระเงินด้วยบัตรควรชำระด้วยตนเอง ไม่ควรให้กับพนักงาน
4. ไม่ควรซื้อสินค้าออนไลน์ที่ไม่มีระบบความปลอดภัย SSL
5. ห้ามให้พนักงานจดเลขบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต
6. ตั้งค่าเปิด SMS แจ้งเตือนการใช้จ่ายบัตร 
7. การชำระเงินออนไลน์แนะนำชำระด้วยบัตรเครดิต เพราะสามารถระงับบางรายการได้ ขณะที่บัตรเครดิตจะเสียเงินทันที 
8. หากไม่มีบัตรเครดิต ควรใช้บัตรเดบิตแบบ Prepaid ซึ่งออกแบบสำหรับเติมเงินเพื่อชำระเงินออนไลน์ หรือทำธุรกรรมผ่านบัตร 
9. หากบัตรคุณมี NFC ควรมีแอปที่สามารถปิด NFC ในการชำระเงิน หรือมีซองใส่เพื่อปิดคลื่น NFC บนบัตรเครดิต ป้องกันการโดนขโมยเงินผ่านเครื่อง NFC

อ้างอิง ธนาคารแห่งประเทศไทย กลุ่มแชร์ประสบการณ์โดนหักเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว