AirTag เปิดตัวแล้ว ในงาน Apple Event เมื่อ 20 เมษายน 2021 โดย Apple ขยายระบบนิเวศ “ค้นหาของฉัน” หรือ Find My ด้วย AirTag ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริม iPhone ที่ช่วยให้คุณมีวิธีที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวในการระบุตำแหน่งสิ่งของสำคัญได้ง่ายๆ โดยอาศัยแอป Find My บนอุปกรณ์ iOS ซึ่งไม่ว่าคุณจะติด AirTag ไว้กับกระเป๋าถือ กุญแจ กระเป๋าเป้ หรือสิ่งของอื่นๆ AirTag ก็จะอาศัยเครือข่าย Find My ที่กว้างไกลทั่วโลกเพื่อระบุตำแหน่งสิ่งของที่หายไป และขณะเดียวกันยังมีการเข้ารหัสข้อมูลตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งโดยไม่มีการระบุตัวตนด้วย ในราคาที่คุณสามารถซื้อได้
“เรารู้สึกตื่นเต้นจริงๆ กับความสามารถใหม่อันน่าทึ่งที่ผู้ใช้ iPhone กำลังจะได้สัมผัสจากการเปิดตัว AirTag ซึ่งอาศัยเครือข่ายค้นหาของฉันที่กว้างไกลในการติดตามและค้นหาสิ่งของสำคัญต่างๆ” Kaiann Drance รองประธานฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ iPhone ทั่วโลกของ Apple กล่าว “AirTag โดดเด่นทั้งในด้านดีไซน์ ประสบการณ์ในการค้นหาที่ยากจะหาใครเทียบ รวมถึงคุณสมบัติด้านความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่มีมาให้ ซึ่งทำให้ลูกค้ามีอีกหนึ่งวิธีในการใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศอันแข็งแกร่งของ Apple และยังช่วยเสริมให้ iPhone มีความอเนกประสงค์ยิ่งขึ้นด้วย”
AirTag ทรงกลมแต่ละชิ้นมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำจากสแตนเลสสตีลขัดเงาที่มีการสลักข้อความอย่างแม่นยำ อีกทั้งยังทนน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP67 มีลำโพงในตัวที่จะเล่นเสียงเพื่อช่วยระบุตำแหน่งของ AirTag พร้อมด้วยที่ครอบแบบถอดได้ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยตัวเองได้ง่ายๆ
นอกจากนี้ AirTag ยังมาพร้อมประสบการณ์การตั้งค่าที่มหัศจรรย์ไม่ต่างจาก AirPods® เพียงแค่นำ AirTag มาอยู่ใกล้ๆ iPhone® ทั้งคู่ก็จะเชื่อมต่อกันทันที จากนั้นผู้ใช้สามารถตั้งชื่อและเลือกว่าจะใช้ AirTag ชิ้นนั้นกับสิ่งของอะไร โดยจะเลือกจากค่าเริ่มต้นอย่าง “กุญแจ” และ “เสื้อแจ็คเก็ต” หรือจะตั้งชื่อเองก็ได้
AirTag สามารถสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ Apple ให้ใส่ชื่อคุณหรือ Emoji ได้ด้วย ผ่านทาง apple.com/th หรือแอป Apple Store นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถใส่ AirTag ไว้ในซองหรือกระเป๋าของตัวเองได้ง่ายๆ
หรือเลือกใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับ AirTag หลายประเภทที่ออกแบบโดย Apple ไม่ว่าจะเป็นห่วงคล้องที่ทำจากโพลียูรีเทน ซึ่งมีน้ำหนักเบาและทนทาน
หรือห่วงคล้องแบบหนังและพวงกุญแจหนัง4 ซึ่งใช้หนังยุโรปที่ผ่านกรรมวิธีการฟอกสุดพิเศษ โดยที่แต่ละชิ้นสวมครอบ AirTag ได้แน่นพอดี และยังนำไปติดกับข้าวของของผู้ใช้ได้สะดวก ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความโดดเด่นไม่ซ้ำใครแล้วยังช่วยให้มั่นใจว่า AirTag จะติดอยู่กับของสำคัญโดยไม่หลุดหายอย่างแน่นอน
เมื่อตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว AirTag จะปรากฏในแถบ “สิ่งของ” ใหม่ในแอปค้นหาของฉัน โดยที่ผู้ใช้สามารถดูตำแหน่งปัจจุบันหรือตำแหน่งสุดท้ายของสิ่งนั้นบนแผนที่ได้ และหากผู้ใช้หาของไม่เจอแต่อยู่ในระยะของ Bluetooth ก็สามารถใช้แอปค้นหาของฉันเพื่อสั่งให้ AirTag ส่งเสียงเพื่อช่วยให้หาเจอได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถบอกให้ Siri®ค้นหาสิ่งของ แล้ว AirTag ก็จะเล่นเสียงหากอยู่ใกล้ๆ
AirTag มาพร้อมชิป U1 ที่ออกแบบโดย Apple และใช้เทคโนโลยีอัลตร้าไวด์แบนด์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของคุณสมบัติ “ตำแหน่งที่ตั้งจริง” หรือ Precision Finding สำหรับผู้ใช้ iPhone 11 และ iPhone 12 เทคโนโลยีอันล้ำสมัยนี้สามารถบอกระยะห่างและทิศทางไปยัง AirTag ที่หายไปได้อย่างถูกต้องแม่นยำเมื่ออยู่ในระยะ และเมื่อผู้ใช้เคลื่อนที่ คุณสมบัติ “ตำแหน่งที่ตั้งจริง” จะใช้ข้อมูลที่ได้จากทั้งกล้อง, ARKit, อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และไจโรสโคปประกอบกัน แล้วพาผู้ใช้ไปยังตำแหน่งของ AirTag โดยใช้ทั้งเสียง การสั่น และภาพในการนำทาง
หาก AirTag แยกกับเจ้าของและอยู่นอกระยะของ Bluetooth เครือข่ายค้นหาของฉันก็ยังช่วยติดตามได้ โดยอาศัยอุปกรณ์ Apple นับพันล้านเครื่องในเครือข่ายค้นหาของฉันเพื่อตรวจจับสัญญาณ Bluetooth จาก AirTag ที่หายไป แล้วส่งต่อตำแหน่งที่ตั้งนั้นกลับมายังเจ้าของ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเบื้องหลังโดยไม่มีการระบุตัวตนและเป็นส่วนตัว
ยิ่งกว่านั้นผู้ใช้ยังสามารถตั้ง AirTag เข้าสู่โหมดสูญหายเพื่อให้มีการแจ้งเตือนเมื่อ AirTag อยู่ในระยะ หรือเมื่อเครือข่ายค้นหาของฉันหา AirTag นั้นเจอ และผู้ที่หาเจอก็สามารถใช้ iPhone หรืออุปกรณ์ที่รองรับ NFC แตะที่ AirTag นั้น เพื่อเข้าไปยังเว็บไซต์ที่แสดงหมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อเจ้าของ หากเจ้าของได้ระบุไว้
AirTag รองรับคุณสมบัติ “การช่วยการเข้าถึง” ที่มาพร้อมกับ iOS ตัวอย่างเช่น คุณสมบัติ “ตำแหน่งที่ตั้งจริง” สามารถใช้ VoiceOver เพื่อนำทางผู้ใช้ที่ตาบอดหรือมีปัญหาในการมองเห็นไปยังตำแหน่งของ AirTag ด้วยเสียงพูด เช่น “AirTag อยู่ห่าง 3 เมตรไปทางด้านซ้ายของคุณ”
AirTag ได้รับการออกแบบมาตั้งแต่เริ่มแรกเพื่อเก็บรักษาข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งเป็นส่วนตัวและปลอดภัยโดยไม่มีการจัดเก็บข้อมูลและประวัติตำแหน่งที่ตั้งไว้ในตัวอุปกรณ์ AirTag และการสื่อสารกับเครือข่ายค้นหาของฉันยังได้รับการเข้ารหัสตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง จึงมีเฉพาะเจ้าของเท่านั้นที่สามารถดูข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของ AirTag ได้โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวตนหรือตำแหน่งของอุปกรณ์ที่ช่วยหา แม้แต่ Apple เอง
AirTag ยังได้รับการออกแบบให้มาพร้อมคุณสมบัติที่ช่วยป้องกันการติดตามโดยไม่พึงประสงค์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของวงการ โดยมีการหมุนเวียนตัวบ่งชี้สัญญาณ Bluetooth ที่ AirTag ส่งออกมาอยู่เป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการติดตามตำแหน่งที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้อุปกรณ์ iOS ยังสามารถตรวจจับ AirTag ที่ไม่ได้อยู่กับเจ้าของ พร้อมกับแจ้งให้ผู้ใช้ทราบหากมี AirTag ที่ไม่รู้จักเดินทางไปยังที่ต่างๆ หลายแห่งพร้อมกับผู้ใช้ และถึงแม้ว่าผู้ใช้จะไม่มีอุปกรณ์ iOS แต่หาก AirTag แยกกับเจ้าของเป็นเวลานาน ก็จะเล่นเสียงเมื่อมีการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกความสนใจ ยิ่งกว่านั้นหากผู้ใช้พบ AirTag ที่ไม่รู้จักก็สามารถใช้ iPhone หรืออุปกรณ์ที่รองรับ NFC แตะที่ AirTag นั้น แล้วทำตามคำแนะนำเพื่อปิดการทำงานของ AirTag ที่ไม่รู้จักได้ทันที
Apple ร่วมกับ Hermès เปิดตัว AirTag Hermès ที่มาพร้อมอุปกรณ์เสริมสุดหรูที่ผลิตด้วยมือหลายประเภท อย่างเครื่องประดับห้อยกระเป๋า พวงกุญแจ แท็กเดินทาง และแท็กกระเป๋าเดินทาง โดยอุปกรณ์เสริม Hermès ที่วางจำหน่ายนั้นจะมาพร้อมกับ AirTag ที่มีการสลักตราสัญลักษณ์แบบเฉพาะ ซึ่งอิงมาจากตรา Clou de Selle อันเป็นเอกลักษณ์
วันนี้การดำเนินงานของบริษัท Apple ทั่วโลกมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และภายในปี 2030 Apple วางแผนที่จะลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศให้เป็นศูนย์ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงซัพพลายเชนการผลิตและวงจรชีวิตของสินค้าทั้งหมด นั่นหมายความว่าอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่องที่จำหน่ายจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ตั้งแต่การรวบรวมวัสดุ การผลิตชิ้นส่วน การประกอบ การขนส่ง การใช้งานของลูกค้า การชาร์จ จนถึงการรีไซเคิลและการคัดแยกวัสดุ โดยที่ AirTag จะใช้ดีบุกรีไซเคิล 100% ในบัดกรีของแผงวงจรหลัก อีกทั้งยังปลอดสารอันตราย และประหยัดพลังงงานเป็นเยี่ยม ส่วนบรรจุภัณฑ์นั้นใช้เยื่อไม้ที่ผ่านการรีไซเคิลหรือมาจากป่าที่ได้รับการจัดการอย่างรับผิดชอบ
AirTag มีจำหน่ายในแบบแพ็ค 1 ชิ้น ราคา 990 บาท และ AirTag 4 ชิ้นในราคา 3,990 บาท สั่งซื้อได้ที่ Apple Store สาขาต่างๆ หรือผ่านทางตัวแทนจำหน่ายของ Apple และสั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์ Apple ได้
พวงกุญแจหนังสีน้ำตาลอานม้า, รุ่น (PRODUCT)RED และสีบอลติกบลูในราคา 1,390 บาท, ห่วงคล้องแบบหนังสีน้ำตาลอานม้า และรุ่น (PRODUCT)RED ในราคา 1,590 บาท และห่วงคล้องโพลียูรีเทนสีขาว, สีกรมท่าเข้ม, สีเหลืองทานตะวัน และสีส้มอิเล็คทริคในราคา 1,190 บาท
AirTag Hermès มาพร้อมเครื่องประดับห้อยกระเป๋าและพวงกุญแจระดับพรีเมี่ยม ซึ่งทำจากหนัง Barénia สี Fauve, Bleu Indigo และ Orange รวมถึงแท็กกระเป๋าเดินทาง และแท็กเดินทาง ซึ่งทำจากหนัง Barénia สี Fauve ซื้อได้ที่ apple.com/th หรือทางแอป Apple Store พร้อมบริการสลักข้อความส่วนตัวฟรี
ทั้งนี้ AirTag ต้องใช้กับ iPhone หรือ iPod touch ที่ใช้ iOS 14.5 หรือใหม่กว่า หรือ iPad ที่ใช้ iPadOS 14.5 หรือใหม่กว่า, อัปเดตสำหรับซอฟต์แวร์เหล่านี้จะพร้อมใช้งานตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป และ AirTag ข้างในมีแบตเตอรี่ในลักษณะถ่านกระดุม กรณีแบตหมดสามารถเปลี่ยนถ่านได้ง่าย